The Asterisk War (Gakusen Toshi Asterisk) หรือ โรงเรียนสัประยุทธ์ แอสเทอริสก์ เป็นอนิเมกลางเก่ากลางใหม่อีกเรื่องที่เพิ่งลง Netflix ในช่วงนี้ ตัวอนิเมนั้นสร้างจากนิยายของ มิยาซากิ ยูที่เขียนมาตั้งแต่ปี 2012 และถูกสร้างเป็นอนิเมโดย A-1 Pictures ในช่วงปี 2015-2016 ซึ่งแบ่งฉายเป็น 2 ซีซัน และได้รับความนิยมอยู่ในระดับหนึ่ง
ตัวอนิเมนั้นเป็นแนวฮาเร็ม+ใช้พลังพิเศษต่อสู้กันแบบที่เคยได้รับความนิยมอยู่ช่วงหนึ่ง (หลังจากนั้นก็มาฮิตแนวต่างโลกจนถึงปัจจุบัน) เรื่องราวได้กล่าวถึงโลกภายหลังจากที่เกิดภัยพิบัติที่เรียกว่า “อินเวอเทียร์” หรือการพุ่งชนของอุกกาบาตที่เปลี่ยนโฉมหน้าโลกทั้งใบจากการถือกำเนิดของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่มีพลังพิเศษที่เรียกกันว่า “เจเนสเตลล่า” จนนำไปสู่การจัดตั้งนครลอยน้ำ“แอสเทอริสก์” ซึ่งเป็นเมืองแห่งการศึกษาที่รวบรวมเหล่าเจเนสเตลล่าไว้ที่เดียวกัน และได้มีการจัดการแข่งขันที่ชื่อ “เฟสต้า” ที่เปิดโอกาสให้เหล่าเจเนสเตลล่าจากสถานบันการศึกษาทั้งหกแห่งในแอสเทอริสก์ได้ประลองฝีมือกันเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง
โดยในอนิเมนั้นจะกล่าวถึง “อามากิริ อายาโตะ” ตัวเอกของเรื่องที่ได้เดินทางมาศึกษาต่อที่ “เซย์โดคัน” หนึ่งในหกสถาบันใหญ่ของ แอสเทอริสก์ จนได้พบกับ “ยูลิส” เจ้าหญิงแห่งอาณาจักร Lieseltania ที่มาศึกษาต่อที่ เซย์โดคัน และกลายมาเป็นคู่หูของ อายาโตะ เข้าประลองการแข่งขันฟีนิกซ์เฟสต้า ซึ่งอายาโตะนั้น มีเป้าหมายในการตามหาพี่สาวของตนที่หายไป ในขณะที่ยูลิสเอง ก็อยากได้เงินเพื่อที่จะนำไปช่วยเหลือสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าในประเทศของตน
เนื้อเรื่องของ แอสเทอริสก์ นั้นถือได้ว่ามีสเกลของเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร และดูเหมือนว่าจะเป็นผลงานที่ทางคาโดคาว่าต้นสังกัดคาดหวังเอาไว้พอสมควร เพราะนอกจากจะมีอนิเมที่ประกาศสร้างทีเดียวสองซีซันแล้ว ยังมีโปรเจคเกมตามมาด้วย ในขณะที่แฟนๆ ก็ให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะตัวนิยายนั้นวาดภาพประกอบโดย Okiura ซึ่งก่อนหน้านี้เคยร่วมสร้างผลงานสุดฮิตอย่าง Infinite Stratos หรือ IS มาก่อนด้วย (ซึ่งก็อย่างที่เราทราบกันว่า คนเขียน IS ย้ายค่าย ทำให้มีการเปลี่ยนคนวาดภาพประกอบใหม่ อ. Okiura ก็เลยไม่ได้วาดภาพประกอบให้นิยาย IS ต่อนั่นเองครับ)
ซึ่งเอาจริงๆ ผมก็ว่าอนิเมเรื่องนี้สนุกนะครับ เพียงแต่อนิเมเรื่องนี้ดันออกฉายพร้อมกับ Chivalry of a Failed Knight หรือ เจ้าหญิงสีชาดกับอัศวินดาบไร้เทียมทาน ของค่าย GA Bunko ซึ่งทั้งสองเรื่อง มีแนวทางและะคาแรกเตอร์ที่คล้ายกันมากๆ (แต่สังกัดคนละ สนพ.) แถมดันฉายทีวีวันเดียวกันอีก (3 ตุลาคม 2015) ซึ่งผลปรากฎว่า Chivalry of a Failed Knight ดูเหมือนจะได้รับกระแสตอบรับที่ดีกว่า แม้ว่าจะมีแค่ซีซันเดียวก็ตาม และการที่ทั้งสองเรื่องดูคล้ายกันเกินไป ก็แย่งฐานแฟนๆ กันเองด้วย ทำให้กระแสของ The Asterisk War ยังไปได้ไม่สุด จนน่าเสียดายที่จนถึงบัดนี้ยังไม่มีแววจะสร้างซีซัน 3 ต่อ ทั้งที่ตัวเนื้อเรื่องนั้นยังจบแบบค้างคา และด้วยสเกลเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้ยังสามารถไปต่อได้อีกไกล เพราะจนบัดนี้ในนิยายก็ยังไม่จบ คนที่อยากรู้เนื้อเรื่องต่อจากในอนิเมคงต้องไปอ่านนิยายต่อกันเองนะ