ความรู้สึกหลังจากที่ได้ดู โดราเอมอน: ไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ นั้น มีมากมายหลากหลาย อาจเพราะโดราเอมอนหนังโรงภาคนี้ แตกต่างจากภาคอื่นๆ ตรงที่มีการปล่อยข่าวออกมาเป็นระยะว่า ภาคนี้คือภาคต่ออย่างเป็นทางการของภาค ไดโนเสาร์ของโนบิตะ เดอะมูฟวี่ (2006) ทำให้หลายๆ คนมีความคาดหวังต่อภาคนี้ค่อนข้างสูง
ซึ่งถ้าหากเราไม่คิดว่ามันคือ “ภาคต่อ” โดราเอมอนภาคนี้ก็ถือว่าเป็นภาคที่ตอบโจทย์ผู้ชมเป้าหมาย (ที่เป็นเด็ก) ได้อย่างดีที่สุดภาคหนึ่ง มันน่ารัก อบอุ่น ดูแล้วให้ความรู้สึกในด้านบวก ฉากซาบซึ้งก็ถือว่าทำได้ดี ดูแล้วเสียน้ำตาได้ง่ายๆ อีกทั้งการที่มันเป็นภาคออริจินอล ก็ทำให้การเดาเนื้อเรื่องของภาคนี้ เป็นไปได้ค่อนข้างยากกว่าภาคอื่นๆ อาจเพราะคนเขียนบทคือ Kawamura Genki นักเขียนชื่อดังที่เคยเป็นทั้งโปรดิวเซอร์และคนเขียนบทให้กับ Your name หลับตาฝันถึงชื่อเธอ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณคาวามุระก็เคยเขียนบทให้กับ Doraemon The movie 2018 (เกาะมหาสมบัติของโนบิตะ) มาก่อนด้วย
ทว่าหากเรามองโครงสร้างของภาคนี้แบบจริงๆ จังๆ แล้ว เราจะพบว่า โดราเอม่อนภาคนี้ เอาโครงสร้างของโดราเอม่อนตอนยาว 2 ภาคมายำรวมกัน คือ ไดโนเสาร์ของโนบิตะ เดอะมูฟวี่ (2006 หรือของเดิมปี 1980) กับภาค อัศวินมังกร (บุกแดนใต้พิภพ)(1987) ซึ่งผมจะขอไม่อธิบายรายละเอียดมากไปกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้น มันจะสปอยล์ภาคนี้เต็มๆ เลยครับ เอาเป็นว่า ถ้าใครได้ดูภาคล่าสุด (2020) แล้วก็ลองสังเกตดูละกันครับ ว่าเป็นอย่างที่ผมพูดหรือเปล่า
จุดที่ทำให้ผมรู้สึกขัดใจเล็กน้อย ก็คือความสมเหตุสมผลในหลายๆ จุดในภาคนี้ ที่เหมือนจะมีเหตุบังเอิญในเรื่องมากเกินไป ซึ่งถ้ามองว่ามันเป็นหนังการ์ตูนเด็ก ก็คงจะไม่รู้สึกขัดแย้งในใจมากนัก แต่อย่างที่บอกว่า แฟนๆ โดราเอมอนมันค่อนข้างกว้าง กลุ่มที่เป็นแฟนๆ รุ่นใหญ่ หรือคนที่เคยดูภาคปี 2006 และอยากจะดูเรื่องราวต่อจากนั้น ก็อาจจะมีความคาดหวังที่แตกต่างออกไป (ซึ่งไม่ขอลงรายละเอียดมาก เพราะอาจจะสปอยล์เกินไป) ทว่าตัวอนิเมนั้นยังนำเสนอในจุดนี้ได้ไม่สุดเท่าที่หลายๆ คนคาดหวังไว้ ในขณะที่เวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนของภาคนี้ (ซึ่งเป็นหนังสือการ์ตูนหนังโรงโดราเอม่อนเล่มแรกในรอบ 5 ปี) กลับทำออกมาได้ดีกว่า (ในจุดนี้นะ)
อีกจุดหนึ่งที่ผมรู้สึกว่า ตัวหนังยังไปได้ไม่สุดก็คือ ตอนจบ ถ้าใครจำได้ โดราเอม่อนปี 2006 ซึ่งเป็นรีเมคของภาคปี 1980 นั้น เลือกที่จะเดินเรื่องต่อในตอนจบให้แตกต่างจากเวอร์ชั่นเดิม ทำให้เนื้อเรื่องของภาค 2006 ค่อนข้างสมบูรณ์และกลายเป็นจุดเด่นของโดราเอม่อนหนังโรงยุคใหม่ ทว่าภาค 2020 กลับทำให้ผมรู้สึกว่า..เอ เรื่องมันยังสามารถไปต่อได้อีกนะ ทำไมรีบสรุปจบจังล่ะ มันดูห้วนไปหน่อยหรือเปล่า เหมือนเรื่องราวมันจะยังไปต่อได้อีก นึกว่าจะมีบทสรุปอะไรต่อหลัง End Credit อีกสักนิด แต่ก็ไม่มี มันเลยรู้สึกว่า มันยังไม่สุด ทั้งที่ถ้ามันเดินเรื่องไปอีกนิดหน่อยให้บางประเด็นมันหายค้างคาใจ มันจะลงตัวกว่านี้มากเลยครับ
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว โดราเอมอนภาคนี้ ถือเป็นภาคที่ดูสนุก ซาบซึ้ง ประทับใจ ถึงจะไปได้ไม่สุดในบางประเด็น แต่ก็ถือเป็นหนังครอบครัวที่เหมาะจะพาบุตรหลานไปชมกันในโรงมากๆ เลยครับ ช่วงนี้ปิดเทอมกันด้วย ไปดูหนังในโรงให้สบายใจกันดีกว่าครับ แล้วเดี๋ยวปีหน้า เราค่อยไปดู สแตนด์บายมี โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2 กันต่อ อ้อ อย่าลืมซื้อชุดป็อปคอร์นโดราเอม่อนเก็บสะสมกันด้วยนะครับ ปีนี้ทำออกมาได้น่ารักทั้งเมเจอร์และ SF เลย