เมื่อต้นปีก่อน ผมเคยพูดถึง Fruits Basket 1st season กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาที่เราจะพูดถึงภาคต่อของเรื่องนี้กันครับ ซึ่งเราคงทราบกันแล้วว่า อนิเมเรื่องนี้จะสร้างทั้งหมด 3 Season โดยมีกำหนดออกอากาศปีละ 1 Season เริ่มตั้งแต่ปี 2019 และพอออนแอร์ที่ญี่ปุ่นจบแล้ว ก็จะนำมาลง Netfllix ให้เราได้ดูกันนั่นเองครับ
ความน่าสนใจของ Fruits Basket 2nd Season นั้นอยู่ตรงที่ ตรงนี้จะเป็นเนื้อเรื่องที่คนที่เคยดูอนิเมปี 2001 ไม่เคยดูมาก่อนครับ เพราะเนื้อเรื่องของอนิเมปี 2001 นั้นจะจบลงประมาณช่วงเดียวกับ Season 1 (รีเมค) ที่ออนแอร์ปี 2019 นั่นเอง (แต่ของปี 2001 มีดัดแปลงเนื้อหาไปบ้าง ให้จบลงตัวไม่มีภาคต่อ) ดังนั้นสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านคอมมิคจนจบ และเคยดู ver 2001 มาแล้ว จะข้ามมาดู 2nd Season (2020) เลยก็ได้นะครับ แต่แนะนำให้ดู 1st season ไปด้วยดีกว่า เพราะมันจะมี Mood&Tone ที่ต่างกันอยู่พอสมควร
จุดเด่นที่น่าสนใจสำหรับ 2nd Season(2020) ก็คือ ภาคนี้จะลดความตลกลง เนื้อหาจะมุ่งเน้นไปที่สายสัมพันธ์ของ 12 นักษัตร การเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของอากิโตะ และความสัมพันธ์ของโทรุกับสมาชิกตระกูลโซมะ ซึ่งในภาคนี้ ดูเหมือนว่า ความรู้สึกของโทรุ ที่มีต่อเคียว และยูกิ จะเริ่มแตกต่างและชัดเจนขึ้น รวมถึงการที่ตัวละครในเรื่องต่างเติบโตขึ้น ยูกิเองก็กลายเป็นประธานนักเรียน มีเพื่อนกลุ่มใหม่ในสภานักเรียนซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในซีซันสุดท้ายด้วย
และแน่นอนครับว่า ภาคนี้ 12 นักษัตรต่างก็ปรากฎตัวครบแล้ว เนื้อเรื่องจึงปูไปที่ความสัมพันธ์ของเหล่านักษัตรแบบเต็มตัว ปริศนาหลายอย่างที่ถูกทิ้งไว้ในภาคแรกจะเริ่มเปิดเผยในภาคนี้ แน่นอนว่าศูนย์กลางของปัญหานั้่นก็คืออากิโตะ กับสายสัมพันธ์ที่เหมือนเป็นคำสาป ที่ในภาคนี้ จะเริ่มพูดถึงการหาหนทางที่จะเอาชนะคำสาป การเอาชนะชะตากรรมที่พันธนการเหล่า 12 นักษัตรเอาไว้ ทำให้เนื้อหาซีซันนี้ ค่อนข้างเข้มข้น จริงจัง ขนาดที่ว่าเราแทบจะไม่เห็นการแปลงร่างของเหล่า 12 นักษัตรกันเลยด้วยซ้ำไป (มุกตลกเหวอๆ แบบที่โดนเพศตรงข้ามกอดแล้วแปลงร่าง ภาคนี้เลยแทบจะไม่มีเลย)
ถ้าหากภาคแรก เป็นอนิเมที่ขายความสดใส การมองโลกในแง่บวกของโทรุ ในภาคสองนี้ผู้ชมอาจจะรู้สึกแตกต่างออกไป โดยเฉพาะความดราม่าของเนื้อเรื่องที่หนักข้อขึ้นกว่าภาคเดิมอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งถ้าหากไม่ได้อ่านต้นฉบับหนังสือการ์ตูนมาก่อน ตอนที่เฉลยความจริงบางอย่างในเรื่องนี้รับรองว่ามีเหวอกันหลายรอบเลยครับ โดยเฉพาะตอนจบนี่รับรองว่าคาใจจนแทบจะรอซีซันสุดท้ายไม่ไหวเลยล่ะ
สำหรับภาคแรก ผมรีวิวไว้ที่นี่ครับ